top of page

#ตะเกียงชวาลาอะลาดิน, 
ชื่อนี้ไม่ได้มาโดยปราศจากซึ่งนัยยะไม่ เพราะ “ตะเกียงชวาอะลาดิน” เป็นประหนึ่งตะเกียงวิเศษ อันมียักษ์จินนี่ใจดีสถิตอยู่ คือผู้เป็นเจ้าของสามารถใช้ตะเกียงในการเรียกผู้คนข้าวของ คำปรารถนา สิ่งที่อยากได้ ให้มาสู่เรา เฉกเช่นที่ยักษ์จินนี่คอยช่วยเหลืออาละดินให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ลำบาก ทั้งยังเสกสรรบันดาลพรให้ตามที่อาละดินร้องขอกลายเป็นจริง

ซึ่งหากอ้างอิงจากตำนานเรื่องเล่านิทานโบราณ “อาหรับราตรี” ฉบับดั้งเดิมแล้วนั้น ว่ากันว่าพรที่ยักษ์จินนี่สามารถให้อาละดิน ไม่ได้มีเพียงแค่3ข้อตามที่เคยได้ยินได้ฟังกันมา แต่มีได้ “ไม่จำกัด”

โดยมีเคล็ดการบูชาว่า ให้เขียนชื่อคน สิ่งของ หรือคำปรารถนาใส่กระดาษ แล้ววางไว้ใต้ตะเกียง ก่อนจุดบูชาแล้วสวดคาถาเฉพาะที่พระอาจารย์ประสิทธิ์ให้ ท่านว่าหากผู้บูชาพึงกระทำตามที่แนะไปนี้ทุกเช้าค่ำ สิ่งที่ควรได้จักปรากฏในเร็ววัน จะได้รับพรที่ขอในไม่ช้า

การสร้างตะเกียงรุ่นนี้ค่อนข้างจะมีอุปสรรคมากพอสมควร ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับวัตถุมงคลที่ “โกงชะตาฟ้าลิขิตได้” เพราะแม้ว่าพระอาจารย์จะใช้ทั้งเวลา ทุนทรัพย์และชนวนมวลสารไปมาก แต่ด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ตะเกียงที่ทำมาเกิดเสียหายชำรุดเกือบทั้งหมด อาจเป็นเพราะกรรมวีธีในการสร้างที่มีความสลับซับซ้อน ฟ้าดินกลั่นแกล้ง หรือเจ้ากรรมนายเวรขวางกั้น ก็ไม่อาจทราบได้ จากจำนวนการสร้างทั้งหมด 109 ดวง จึงเหลือให้นำมาเผยแผ่เชิงอนุรักษ์ได้เพียง 19 ดวงเท่านั้น

ตะเกียงชวาลาอะลาดินทุกดวงจะมีแผ่นยันต์พระประทีปตำหรับหลวงปู่คงบรรจุไว้ภายใน และที่พิเศษอีกอย่างคือตะเกียงทุกดวง ได้ผ่านการใช้ในพิธีกรรม ถูกนำมาจุดเป็นดวงประทีปถวายครูมาแล้วทั้งนั้น

ปฐมเหตุที่ทำให้พระอาจารย์โอตัดสินใจสร้าง “ตะเกียงชวาลาอะลาดิน” รุ่นนี้ มาจากความผูกพันของท่านที่มีกับตะเกียงมานาน สืบเนื่องจากตั้งแต่ท่านสร้างวัดครั้งแรก ด้วยเดิมทีพื้นที่วัดเป็นแผ่นดินที่ว่างเปล่า ไม่มีต้นไม้หรือแม้แต่สิ่งปลูกสร้างใดๆ ท่านพระอาจารย์จึงเห็นว่า คงต้องเป็นงานหนักแน่ ท่านจึงได้สร้าง “ประทีปแก้ว” ไว้สองดวง

หากใครเคยไปที่วัด จะเห็นโหลแก้วใบใหญ่อยู่ในศาลาบูรณาการพุทธสถานวิหารพระธรรมราช ถูกจุดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 คนในวัดจะเรียกว่า “ประทีปที่ไม่มีวันดับ” พระอาจารย์จะกำชับให้ลูกศิษย์เด็กวัดคอยดูแลรักษา เติมน้ำมันเปลี่ยนไส้อยู่ตลอดไม่ให้ขาด ประทีปในศาลาจึงส่องสว่างตั้งแต่วันแรกมาจนถึงทุกวันนี้ไม่เคยดับ เรียกว่าโชติช่วงชัชวาลควบคู่ไปกับการก่อสร้างวัดที่ท่านทำมาทุกวันไม่เคยหยุดตลอดสิบปีที่ผ่านมา จนนาดินกลายเป็นนาดาว จากผืนดินว่างเปล่า ได้กลายเป็นพุทธสถานที่มีความงดงาม เป็นศูนย์รวมจิตใจของเหล่าคณะศรัทธาและศานุศิษย์ เป็นพุทธสถานที่สงบ ที่งดงาม เพื่อสืบทอดพระศาสนาต่อไปในอนาคตกาล พระอาจารย์ท่านจึงมั่นใจในคุณวิชาประทีปนี้มาก

ซึ่งนอกจากประทีปแก้วทั้งสองดวงนี้แล้ว ก็ยังมีตะเกียงชวาลาที่อยู่ในห้องพิธีอีกหลายดวงที่ท่านได้รับสืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ถือเป็นธรรมเนียมการเล่าเรียนศึกษา เมื่อครูได้ครอบวิชาให้ศิษย์แล้ว ก็จะมีการมอบสื่อครูเครื่องพิธีให้สืบทอดไว้ด้วย ดั่งเช่นคำกล่าวในตำราเชิญครูที่ว่า “ครูข้าอยู่แห่งใดๆ ขอเชิญท่านมาเสวยเมี่ยงหมากดอกไม้ โทกเทียนชวาลา ขอจงประสิทธิการ“ ดังนั้นครั้งใดก็ตามที่พระอาจารย์ท่านเชิญครูมา ท่านก็จะจุดตะเกียงชวาลาเหล่านั้นให้สว่างไสว ก่อนจะเริ่มทำการสวดมนต์พิธีใดๆอยู่เสมอ

และในกิจวัตรประจำวันของพระอาจารย์ ท่านจะจุดธูปเทียนและตะเกียงชวาลาบูชาพระรัตนตรัยในตอนใกล้รุ่ง เรียกว่า “จุดก่อนวัน” คือจุดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น โดยท่านถือเคล็ดว่า “แสงแห่งตะเกียงจะส่องสว่างก่อนแสงเงินแสงทองของพระอาทิตย์” หมายถึงโชคลาภอันพึงได้จักได้ก่อน

แล้วท่านก็จะจุดธูปเทียนและตะเกียงชวาลาบูชาพระรัตนตรัยในตอนเย็น เรียกว่า “จุดตามวัน” คือจุดก่อนพระอาทิตย์ตก โดยท่านถือเคล็ดว่า “แสงแห่งตะเกียงนั้นยังคงส่องสว่างไม่ดับตามตะวัน แม้นยามมืดมนก็ไม่อับจนหนทาง” ถือเป็นธรรมเนียมมาแต่โบราณที่พระอาจารย์ยึดถือน้อมนำมาปฏิบัติตามรอยครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อน ซึ่งเป็นที่สังเกตุได้ว่าผู้ที่กระทำในทางใฝ่ศีลใฝ่ธรรมเช่นนี้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน จะเจริญรุ่งเรื่องทั้งทางโลกและทางธรรมโดดเด่นยิ่งกว่าใคร

ตะเกียงชวาลาอะลาดิน Aladdin Wishing Lamp

16.000,00฿Preis
  • Aladdin Wishing Lamp 

    The given name of this lamp was not denominated without any connotations, because "Aladdin Wishing Lamp” is like a magic lamp which has the giant "Genie" resides. That is, the owner can use this lamp to bring people, things, wishes, or desires come as same as the blue jinn "Genie" saved Aladdin from many difficult situations and also granted Aladdin's wishes come true.

    If referring to the original version of ancient legends and folk tales named "The Arabian Nights", it is said that the number of blessings that Genie can grant Aladdin are not only 3 as we have heard, but there are "Unlimited".

    For the worship method of Aladdin Wishing Lamp, the owner can write the name of people, thing or wish on a piece of paper and then put it under the lamp. After that, light up the lamp then chant the specific spell that given by Phra Arjarn O. He said that if the worshiper does as he suggested every morning and evening, what the worshiper begged the lamp will be appeared soon, the prayer will receive the blessings as requested in a short time.

    Inside every piece of Aladdin Wishing Lamp will has the mystical silver "Halo Lantern Yant" from LP.Kong's recipe. And another special point is that every lamp had been used in auspicious ceremonies and were also lighted up to offer Phra Arjarn O's teachers as an oblation.

    The reason why Phra Arjarn O decided to make this "Aladdin Wishing Lamp” comes from his long-standing relationship with the lantern and lamp since he built the temple (Buddhist Place Phuttha Sathan Viharn Phra Thammarart). Originally, the temple area was an empty land. There were no trees or any buildings. At that time, Phra Arjarn O realized that it must be hard work for sure so, he decided to build two pieces of "Glass Lamp".

    If anyone has ever visited Phra Arjarn O's temple, they will see 2 large glass jars in the pavilion hall. They were lit up on January 1, 2010, Phra Arjarn O and his disciples call them "Everlasting Lighting Lamp". Phra Arjarn O always instruct his disciples to take care of them, add oil and change lamp-wick all the time. Therefore, the glass lamps will always lighting since the first day until today, never extinguished along with the construction of the temple that has constructed every day and never stopped for the past ten years until the desert land of soil becomes the full field of stars, from the empty land has become the beautiful Buddhist place day by day. It can be said that the power of holy lamp has supported Phra Arjarn O to build the center of the faith, the spiritual anchor of the believers to be the peaceful and beautiful Buddhist place for the succession of Buddhism in the future. Therefore, Phra Arjarn O is very confident in this holy lamp subject.

    Which besides these two glass lamps, there are still many lamps in the ceremony room that Phra Arjarn O has inherited from various teachers. It is a tradition of magic studying, when the teacher already completely taught all of his magic subjects for his students, the teacher will also give some ritual equipments to his students as well. As the saying in the inviting teachers mantra textbook that “Wherever My Teachers Are, I Sincerely Invite All Of You To Enjoy Happiness With Food Wrapped In Leaves, Betel Chewing, Flowers, Candles, & Lamps. Please Grant Me The Power". Therefore, whenever Phra Arjarn O invites his teachers to come, he will always light those lamps before starting any ceremony.

    Moreover, in the daily routine of Phra Arjarn O, he will light incense, candles and lamps to worship the Triple Gems before the beginning of the day, the time before sun rises, he calls “Sunrise Lighting”. It means "The Light Of The Lamp Will Shine Before The Golden Light Of The Sun". So, that the fortune will be obtained first.

    In the evening, he will light incense, candles and lamps to worship the Triple Gems before the ending of the day, the time before sun sets, he calls "Sunset Lighting". It means “The Light Of The Lamp Still Shines, Not Be Extinguished As The Sun Sets. Even In The Darkness, There Is Still Has The Light Shines The Way For Life". This is an ancient tradition that Phra Arjarn adheres to and follows in the footsteps of the former teachers. Time has already proved that those who follows the footstep of the former teachers since the past until the present will prosper in both worldly success and dharma success like as Phra Arjarn O.

    For the production of this lamp is quite challenging which often happens with "Cheat Destiny" sacred amulets because even though Phra Arjarn spent a lot of time, manufacturing costs and special materials to do but, most of the lamps were damaged. Maybe it's because of the complicated production process, god limited the amount of production or enemies from the former life tried to interfere. Therefore, from the total number of creations 109 pieces, only 19 pieces are usable and available for rent.

bottom of page